Saturday, April 20, 2013

Thai TV Interview with Chris Coles April 2013

Wednesday, April 27, 2011

Suranand Vejjajiva interviews Chris Coles for Thai TV

Bangkok Noir Artist Chris Coles
Suranand: How are you doing?

สุรันันทน์ สบายดีนะครับ

Chris: Sabai-dee krub

คริส สบายดีครับ

S: You speak a little Thai, so we should interview you in Thai

ส: พูดไทยได้นิดหน่อยไหมครับ น่าจะสัมภาษณ์เป็นภาษาไทย

C: Pood Thai mai dai

ค: พูดไทยไม่ได้

S: So “Bangkok Noir,” I am quite familiar with your work but you need to explain to the audience what “Bangkok Noir” is to you

ส: เรื่องของ “บางกอกนัวร์” ผมเองคุ้นเคยกับงานของคุณ แต่ต้องขอให้คุณช่วยอธิบายต่อผู้ชมว่าสำหรับคุณแล้วอะไรคือความหมายของ “บางกอกนัวร์”

C: Bangkok Noir is kind of an artistic movement and there are about five writers and myself and basically we are using a night time Bangkok as a setting for stories, paintings, for artistic work. And the basic idea is kind of a playful use of all the night time settings as seen in Bangkok. When the lights are on, and the neon shining, and everyone looks kind of dressed up and you don’t see a lot of the small flaws like the bad sidewalks because it’s night time and it’s dark.

ค: “บางกอกนัวร์” เป็นความเคลื่อนไหวทางศิลปะ โดยมีนักเขียนประมาณ 5 คน และตัวผม โดยใช้กรุงเทพยามราตรีเป็นพื้นที่สำหรับเดินเรื่องเล่า ภาพวาด และงานศิลปะต่างๆ แนวคิดพื้นฐานคือการใช้กรุงเทพฯอย่างสนุกๆในการเล่าเรื่องราว เมื่อแสงไฟสว่างขึ้น ไฟนีออนเปิด ทุกคนลุกขึ้นมาแต่งตัว และคุณไม่เห็นข้อบกพร่องเล็กๆน้อยๆอย่างทางเท้าที่ชำรุด เพราะเป็นเวลากลางคืนและอยู่ในความมืด

S: So that’s what intrigued you, what’s behind that curiosity?

ส: นั่นคือเรื่องที่ดึงดูดให้คุณสนใจ อะไรคือเบื้องหลังของความสงสัย

C: I think the reason is it attracts writers and artists, the Bangkok Noir night time is because of the very interesting, dramatic setting and the many players in the setting from all over the world, Russians, Arabs, Iranians, Indians, Chinese, Australians, Germans, as well as Thais, and also Japanese, Koreans, Malaysians. People at night are moving around in a different way than the day. The night people are somehow leading more free lives in a sense, not conforming to office rules or company rules. And so you see people in a more colorful way. People are doing more colorful things and it lends itself to artistic or drama or stories.

ค: ผมว่าเหตุผลที่ดังดูดนักเขียนและจิตรกรสู่ “บางกอกนัวร์” ยามกลางคืน เพราะเป็นเรื่องน่าสนใจ มีเนื้อเรื่องและตัวละครมาจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น รัสเซีย อาหรับ อิหร่าน อินเดีย จีน ออสเตรเลีย เยอรมัน รวมทั้งคนไทย และ ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย คนกลางคืนนั้นเคลื่อนไหวใช้ชีวิตแตกต่างจากคนกลางวัน คุณจะเห็นคนในวิถีที่มีสีสัน คนที่ใช้ชีวิตมีสีสัน ทำให้เกิดงานศิลป์ ดราม่า และเรื่องเล่า

S: That’s why all the colors and strong brush strokes

ส: นั่นคือที่มาของสีและการระบายสีที่มีพลัง

C: Right, in a way the colors are all coming from lighting rather than from daylight. So you get a much stronger color. At night time in a bar or a restaurant or a nightclub, you often have green lights, red lights, blue lights, all kinds of color lights. And you get hot zones of light and dark zones of light. So you get a much more dramatic lighting. While in a daytime you get kind of a flat light where everything is kind of lit the same level. And it’s not as interesting dramatically.

ค: ถูกต้อง ในทางหนึ่ง สีเหล่านั้นมาจากแสงไฟมากกว่าแสงอาทิตย์ในเวลากลางวัน คุณจึงได้สีที่เข้มข้นกว่า ในเวลากลางคืนในบาร์ ร้านอาหาร หรือ ไนต์คลับ คุณจะเห็นไฟสีเขียว ไฟสีแดง ไฟสีฟ้า และสีที่หลาหลาย คุณจึงมีโซนที่ร้อนจากแสง และโซนที่มืดจากแสง ทำให้ได้พื้นที่ที่มีแสงแปลกแตกต่าง ในเวลากลางวันคุณจะได้แสงที่ธรรมดาที่ทุกอย่างสว่างเท่ากัน ซึ่งไม่น่าสนใจและไม่แปลกประหลาด

S: Do you feel that you look at night time in Thailand the same way as Thais do?

ส: คุณรู้สึกไหมว่าคุณมองเมืองไทยในเวลากลางคืนแตกต่างจากที่คนไทยมอง

C: I think because I am an outsider in Thailand, I see things very differently. When I go into a nightclub, I sit at the corner usually so I disappear and they don’t come after me to buy too many drinks

ค: ผมคิดว่าเป็นเพราะผมเป็นคนนอกในเมืองไทย ตลกดีที่เวลาผมไปในไนต์คลับ ผมจะนั่งในหลบมุม ผมจะทำตัวให้หายไป และเป็นวิธีที่ดีที่ทำให้ไม่มีคนมาถามว่าผมจะดื่มอะไรด้วย

S: That’s the trick!

ส: นั่นเป็นวีการที่ดี!

C: One of the first things I do is start counting all the lighting sources and in some night clubs there might be 3 or 4,000 lights. And I kind of catalogue them. I go round the whole club, cataloging all the lights, the red lights, the green lights, you know, the lights going on and off, the lights bouncing off the mirrors. Then I watch how the lights are going onto the people despite how we tend to translate the lights back to normal. The fact that there is green light here, blue light here, red light here, it’s a kind of a sea of light. I think Thais are very clever with lighting without actually thinking about it too much because I think in Thai temples, spirit houses and a lot of things in the Thai tradition people use lighting a lot. And so when anyone opens a restaurant, bar, night club in Thailand, first thing they do is put lot of lights in it.

ค: สิ่งหนึ่งที่ผมทำอย่างแรกๆคือการ “นับ” แหล่งไฟต่างๆ ในไนต์คลับบางแห่งจะมีไฟประมาณ 3 -4 พันดวง และผมจะจดบันทึกไว้ เดินไปทั่วคลับ เก็บราละเอียดเกี่ยวกับไฟ ไฟสีแดง ไฟสีเขียว ไฟที่เปิดและปิดสลับกันไปมา และแสงไฟที่สะท้อนจากกระจก จากนั้นผมจะสังเกตแสงที่กระทบต่อคนซึ่งทำให้แสงเป็นปกติ ด้วยเหตุที่ทีมีไฟสีเขียวตรงนี้ ไฟสีฟ้าตรงนั้น สีแดงตรงนี้ เป็นเสมือนทะเลของไฟสี ผมคิดว่าคนไทยฉลาดในการจัดไฟโดยไม่ต้องคิดมาก ผมคิดว่าวัดไทย ศาลพระภูมิ และอีกหลายอย่างในวัฒนธรรมที่ใช้แสงไฟจำนวนมาก ใครที่ต้องการเปิดร้านอาหาร บาร์ หรือไนต์คลับในประเทศไทย จะต้องแสดงให้เห็นถึงแสงไฟ

S: The way you see and the way you use lighting and the way you express in your paintings, it’s not the normal Thai way of looking at the beautiful, the bright lights,

ส: วีที่คุณทองเห็น และวิธีที่คุณใช้แสงซึ่งสะท้อนในภาพวาดของคุณ ไม่ใช่การมองที่ปกติของคนไทย ซึ่งชอบมองสิ่งสวยสิ่งงามและมีความสว่าง

C: I think when a normal person goes out at night, they want to relax, and stop worrying about the daily troubles..

ค: ผมคิดว่าเวลาปกติคนออกไปเที่ยวยามค่ำคืน พวกเขาต้องการการพักผ่อน และลืมเรื่องเครียดที่มาจากปัญหารายวัน

S: What are you trying to really express

ส: คุณกำลังต้องการแสดงหรือสะท้อนอะไร?

C: When I go out at night, I am not just relaxing or escaping, I am actually working. So whereas a normal person would go to a club and let it just wash over him, all the effects that make up the illusion and create the artificial space where you can just escape and forget the daily problems. I go in and try to deconstruct the illusion – so I deconstruct how the lights are working, how the sound's working, how the decoration is working, what the people are doing in the relationship to each other and I kind of almost study the structure of the club, the structure of the entertainment venue and how it was put together and how it works. I am looking at it with a different eye than someone who is just relaxing. I am looking at it as though I were going to take it all apart and then reconstruct it in a painting

ค: เวลาผมไปยามค่ำคืน ผมไม่ได้ต้องการพักผ่อนหรือหนีสิ่งใด ผมไปทำงาน ในขณะที่คนธรรมดา ไปเที่ยวคลับจะอิ่มเอิบไปกับสิ่งต่างๆ อันเนื่องมากจากภาพลวงที่สร้างพื้นที่ปลอมให้หลีกหนีและลืมปัญหารายวันนั้นๆ ผมเข้าไปแล้วผมพยายามที่จะแยกส่วนว่าระบบไฟทำงานอย่างไร เสียงทำงานอย่างไร และการตกแต่งเป็นอย่างไร ผู้คนใดกำลังผูกความสัมพันธ์กัน และผมศึกษาโครงสร้างของคลับ โครงสร้างของแหล่งบันเทิง และการประกอบเข้าด้วยกัน และทำงานอย่างไร ผมจะเห็นด้วยตาที่แตกต่างจากบางคนที่มาเพียงเพื่อพักผ่อน ผมมองเหมือนจะแยกทุกอย่างออกจากกัน และกลับมาต่อกันเป็นภาพวาด

S: But the subjects themselves, the ladies, the lady-boys, the activities that are going on..

ส: แต่ตัวละครทุกคน ผู้หญิง กะเทย และกิจกรรมที่ทำกันอยู่…

C: Basically, I am trying to draw the personality and the inner life of the subjects. The surface presentation, the make-up, hair, and costumes are there for a purpose – to make money, to sell to a customer. But I am trying to find out what’s going on inside the person and somehow express that in the painting. So I have the surface they are wearing and then I try to go inside what they are feeling. They might be smiling but that’s just for the customer. Actually, maybe their child is sick or their mother and father are having problems and inside they are worrying, they are not smiling.

โดยพื้นฐานแล้ว ผมจะวาดบุคลิกและเรื่องราวชีวิตภายในของแต่ละคน ภาพด้านนอก การแต่งหน้า เสื้อผ้า ล้วนมีเหตุที่มา – เพื่อใช้หาเงิน เพื่อขายให้ลูกค้า แต่ผมพยายามจะค้นหาว่าอะไรขับเคลื่อนภายในตัวแต่ละคน และนำมาเสนอผ่านภาพวาด ผมจะแสดงถึงทั้งผิวภายนอกและความรู้สึกภายใน บางคนอาจยิ้มแต่ไม่ใช่สำหรับลูกค้า ในความเป็นจริงลุกเขาอาจกำลังป่วย พ่อและแม่มีปัญหา และภายในเต็มไปด้วยความกังวล เขาไม่ได้ยิ้มอย่างที่เห็น

For instance this is a painting of Viktor Bout, the Russian spy who was arrested, and my pretense is that the painting of him is at the moment he is arrested when they went into the hotel room. And he was kind of chubby then, before he spent some time in the Thai prison when he got much thinner. And I try to get in his eyes the idea that he knew at the moment that the door is opened, and the people came into the room, he knew he was in a trap. And he was thinking why did I come here, why did I not see this, and he knew that there was no way that he would get out of that trap, and I think you can see that in his eyes, even though his exterior, normally he would be a very confident man, chubby Russian robust physique.

ตัวอย่างเช่นรูปนี้ เป็นรูปของนายวิคเตอร์ บูธ สายลับชาวรัสเซียซึ่งถูกจับ ผมลองจินตนาการวาดภาพเขาตอนที่เขาวินาทีที่เขาถูกจับเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไป ในห้องโรงแรมของเขา เขาค่อนข้างท้วมเพราะเป็นช่วงก่อนที่เขาต้องเข้าไปนอนในคุกไทย ซึ่งทำให้เขาผอมลงมาก ผมพยายามที่จะทำให้นัยน์ตาของเขาที่สะท้อนความคิดของเขาเมื่อประตูห้องเปิด และมีคนเข้ามาในห้องของเขา เขารู้ตัวว่าติดกับดักเสียแล้ว และเขาคิดว่าเขามาทำอะไรที่นี่ และเขาไม่เห็นหนทางที่จะหลุดจากกับดักนี้ได้ ผมคิดว่าคุณเห็นได้จากแววตาของเขา ถึงแม้ว่ากายภาพภายนอกปกติเขาจะเป็นคนที่มีความมั่นใจสูง ท้วมใหญ่อย่างชาวรัสเซีย

S: Do people find your paintings scary, in a way?

ส: คุณคิดว่าคนทั่วไปเห็นภาพวาดของคุณแล้วรู่สึกกลัวไหม

C: Yeah I think some of the paintings are scary because some of the people I encounter in the Bangkok night are kind of scary. For example the lady boy over here, is definitely a scary lady-boy. She is just so wild and so intense that if you know something about Bangkok, you kind of like, back off a little bit because she might bite off your arm.

ค: ใช่ ผมคิดว่าภาพบางภาพน่ากลัว เพราะคนบางคนที่ผมพบยามค่ำคืนในกรุงเทพค่อนข้างน่ากลัว ตัวอย่างเช่น กะเทยคนนี้ น่ากลัวแน่นอน เธอเป็นคนพิสดารและเข้มข้น และหากคุณรู้เรื่องบางเรื่องของกรุงเทพ คุณจะรู้ว่าเธอสามารถกัดแขนคุณขาดได้!!

S: Well, we are at the gallery anyway and you are show is going to be here until at the end of April, we will walk around a little bit and see what you have in mind in other kinds of paintings too.

ส: ในเมื่อเรามานั่งอยู่ที่แกลอรี่นี้ซึ่งกำลังแสดงงานของคุณอยู่จนสิ้นเดือน เมษายนนี้ เราไปเดินชมภาพผลงานของคุณกันดีกว่า และจะได้เห็นด้วยว่าคุณคิดอะไรผ่านภาพเหล่านั้น

(Break-Walk พัก-เดิน)

S: She certainly look scary up-close

ส: ดูน่ากลัวจริงๆอย่างที่คุณว่า เมื่อมายืนใกล้ๆ

C: Yeah, this is a lady-boy, in some respect a very successful lady-boy. She makes a great deal of money and a kind of powerful lady-boy. She is so powerful and so intense that she is a little bit scary, has a tremendous aggression and hunger to her. I always show the lady-boy and I have painted quite a few lady-boys; I almost always show them from the shoulders up rather than their whole bodies.

ค: ใช่ กะเทยคนนี้ ในมิติหนึ่งถือว่าประสบความสำเร็จมาก เธอหาเงินได้เยอะและเป็นผุ้มีอิทธิพลคนหนึ่ง เธอมีพลังที่เข้มข้นจนทำให้เธอน่ากลัว และมีความก้าวร้าว ความหิวโหย ผมชอบแสดงภาพกะเทยและได้วาดไว้จำนวนหนึ่ง ผมจะวาดเฉพาะท่อนบนมากกว่าจะให้เห็นทั้งตัว

S: But you get the intensity

ส: แต่ก็ยังรู้สึกถึงพลังความเข้มข้น

C: I try to get the ambiguity not a lady or a man. But there is always a little hint, like her shoulder is a man shoulder,

ค: ผมพยายามที่จะแสดงให้เห็นถึงความไม่ชัดเจนว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่จะมีอะไรที่บ่งบอกเสมอ อย่างไหล่ที่เห็นเป็นไหล่ของผู้ชาย

S: I see

ส: เห็นแล้ว

C: It’s too big. Some people often ask me, how come you paint so many Thai women and men at night who have blond hair, blue eyes or yellow eyes. All Thais have dark hair and brown eyes or black eyes. And I say well actually in Bangkok night, a lot of people have dyed hair of different colors and they also put contact lens onto their eyes of various colors.

ค: ใหญ่ไป บางคนถามผมว่าทำไมจึงวาดภาพผู้หญิงและผู้ชายเวลากลางคืนมีผมสีทอง นัยน์ตาสีฟ้าหรือสีเหลือง คนไทยมีผมสีดำและนัยน์ตาสีน้ำตาลหรือดำ ผมบอกว่าในเวลากลางคืนนั้น คนกลางคืนจำนวนมากที่ย้อมผมเป็นสีต่างๆ และใส่คอนแท็คเลนส์ในตาทำให้มีหลากสี

S: And this is Viktor Bout, and this is in the bar.

ส: และนี่คือ นายวิคเตอร์ บูธ และนี่คือภาพในบาร์

C: This is Viktor Bout, the Russian spy, the day he was arrested and he was still kind of chubby. And he is kind of like a trapped rabbit, kind of an interesting character because you are not quite sure why he was being arrested and why there was so much focus on him. Everybody knew who he was and he actually worked for everybody, so no one was quite sure what the real story is.

ค: นี่คือ นายวิคเตอร์ บูธ สายลับรัสเซีย วันที่เขาถูกจับได้ เขายังท้วมอยู่ และเขาเป็นเหมือนกระต่ายติดกับ เป็นตัวละครที่น่าสนใจ เพราะคุณไม่แน่ใจว่าทำไม ทำไมเขาจึงถูกจับ ทำไมจึงมีคนให้ความสนใจกับเขามาก ทุกคนรู้ว่าเขาเป็นใคร เขาทำงานให้ทุกคนทุกฝ่าย แต่ไม่มีใครรู้ว่าเรื่องจริงคืออะไร

S: This is another scene in the bar.

ส: นี่เป็นฉากในบาร์

C: This is a scene from the bar in Soi Cowboy. People are impolite and rough, and noisy and rowdy. And there is a little bit of dirt everywhere. What I like to tell people is I dragged the painting out of the bar on the floor, picking up a lot of dirt from the bar.

ค: นี่เป็นฉากในบาร์ในซอยคาวบอย คนไม่สุภาพ หยาบ เสียงดัง และเอะอะตึงตัง มีความสกปรกทั่วไป ผมชอบบอกว่า ผมลากภาพวาดของผมบนพื้นบาร์ ทำให้สิ่งสกปรกติดขึ้นมา

S: This is my favorite, Chris.

ส: ภาพนี้เป็นภาพโปรดของผม

C: My favorite painting too. That’s a Bangkok ‘Soi Dog’ No.1, he is the big boss of Soi dogs on Soi 23. And he tells all the Soi dogs where they can sleep, which food cart they can eat from, and whose girlfriend they can have. And you are not quite sure whether he can see or not because his eyes are so beat up.

ค: เป็นภาพโปรดของผมเหมือนกัน เป็น “หมาข้างถนน” ตัวหนึ่งในกรุงเทพฯ “Soi Dog No.1” เบอร์หนึ่ง เป็น “จ่าฝูง” หัวหน้าหมาทั้งซอยในซอย 23 มันจะเป็นตัวที่บอกตัวอื่นว่าจะนอนที่ไหนได้ จะกินอาหารจากรถเข็นคันไหน จะเป็นแฟนกับใคร คุณเห็นแล้วจะไม่แน่ใจว่ามันเองมองเห็นหรือไม่ เพราะตาของมันเหมือนโดนตีจนปิด

S: But he looks human too in a way

ส: แต่ดูเหมือนคนในที

C: And he thinks he is beautiful because he never sees himself in a mirror. You see he is smiling and he thinks he really has a pretty smile. He has no idea that the smile is kind of scary.

ค: มันคิดว่าตัวเองสวยหล่อเพราะมันไม่เคยเห็นตัวเองในกระจก มันยิ้มและคิดว่าเป็นยิ้มที่เก๋ มันไม่เข้าใจว่ารอยยิ้มของมันค่อนข้างน่ากลัว

S: Is he still around?

ส: มันยังมีชีวิตอยู่

C: Yeah he is there every night. You know he got an amazing spirit. He doesn’t give up. He is happy every day and he likes being the boss. He has that Thai spirit. He survives and succeeds.

ค: มันอยู่ที่นั่นทุกคืน คุณรู้ไหมว่ามันมีสปิริตที่ดีมาก มันไม่เคยยอมแพ้ มีมีความสุขทุกวันและชอบเป็นเจ้านายใหญ่ มันมีสิปริตรความเป็นไทย อยู่รอดและประสบความสำเร็จ

S: How about this one? This looks famous.

ส: และภาพนี้ ดูคุ้นเคย

C: This one is the cover of a well-known book in Thailand, by Christopher Moore. It’s a novel called ‘The Corruptionist.’ The painting is supposed to be a man whose intent is entirely evil and bad. Unlike a good Buddhist, he doesn’t want to do any good deeds. He only wants to do bad deeds. And he enjoys doing bad deeds and he enjoys corrupting everybody around him into doing bad deeds. So he is called ‘The Corruptionist.’

ค: ภาพนี้เป็นภาพน่าปกของหนังสือดังในประเทศไทย เขียนโดยคริสโตเฟอร์ มัวร์ เป็นนิยายเรื่อง ‘The Corruptionist’ โดยภาพจะเป็นผู้ชายที่มีแต่ความตั้งใจที่ชั่วร้ายและความไม่ดี แตกต่างจากชาวพุทธที่ดี เขาไม่ต้องการทำดี ต้องการแต่จะทำเลว และ “คอรัป” ทุกคน ทำให้ทุกคนรอบตัวเขาทำชั่ว เขาจึงถูกเรียกว่า “ผู้สร้างความชั่ว”

S: You have been painting like this for quite a while now, are you going to change your style, you going to change your subject?

ส: คุณวาดภาพมาค่อนข้างนานแล้ว คิดจะเปลี่ยนรูปแบบสไตล์ หรือตัวละครบ้างหรือไม่

C: Well, I have actually done some other paintings. In the show there are a couple of flower paintings which are quite different. I started doing those for my mother because she kept telling her friends that I was a painter but she didn’t dare show them any of the paintings. Unfortunately, when I showed her the flowers, the flowers also looked like they are from the Bangkok night.

ค: จริงๆแล้วผมวาดภาพอย่างอื่นด้วย ในงานแสดงนี้มีภาพดอกไม้หลายภาพซึ่งค่อนข้างแตกต่าง ผมเริ่มวาดภาพดอกไม้ให้คุณแม่ เพราะเธอชอบไปบอกเพื่อนๆว่าผมเป็นจิตรกรแต่เธอไม่กล้าเอาภาพผลงานผมไปให้ เพื่อนๆดู แต่เมื่อผมเอาภาพดอกไม้ไปให้คุณแม่ ดอกไม้เหล่านั้นก็ยังดูว่ามาจากกรุงเทพยามค่ำคืน

S: So you still have curiosity and you want to explore the Bangkok night more

ส: แสดงว่ายังติดใจ และจะสำรวจชีวิตกลางคืนในกรุงเทพต่อ

C: I have been doing some paintings out in Singapore and some paintings in Phnom Penh.

ค: ผมวาดภาพที่สิงคโปร์ และพนมเปญ

S: At the night time?

ส: ในเวลากลางคืน?

C: Yes, Phnom Penh Noir. I spend a few months every year back at the coast of Maine and do some paints on the coast of Maine. But I think the Bangkok night is a good setting. It’s such a big setting and so diverse, dealing with the human behavior and human personality.

ค: ครับเป็น “พนมเปญนัวร์” และผมใช้เวลาหลายเดือนทุกปีกลับไปอยู่ที่ชายทะเลมลรัฐเมน (สหรัฐอเมริกา) เพื่อวาดภาพชายทะเลเมน แต่ผมคิดเสมอว่ากรุงเทพยามค่ำคืนน่าสนใจ เป็นพื้นที่ที่ใหญ่ มีความหลากหลาย มีพฤติกรรมและบุคลิกของมนุษย์ที่ต้องเข้าใจ

S: If anyone wants to come see the paintings, they can come here at Koi Gallery

ส: หากใครต้องการชมผลงานมาได้ที่ “ก้อยแกลอรี่”

C: Koi Art Gallery on Sukhumvit Soi 31 and it’s a beautiful art gallery, beautifully designed by the owner-manager, Koi. It’s a very pleasant place to go and there are coffee shops nearby. Nice visit.

ค: “ก้อยแกลอรี่” อยู่ในซอยสุขุมวิท 31 เป็นแกลอรี่ที่สวยมาก ออกแบบโดยเจ้าของและผู้จัดการคือ คุณก้อย เป็นที่ที่น่ามาเยี่ยมชม และมีร้านกาแฟใกล้ๆด้วย น่ามาเที่ยว

S: But of course if anyone wants to look at all your paintings, it's this all in this book ("Navigating the Bangkok Noir")?

ส: และแน่นอน หากใครต้องการดูผลงานทั้งหมดของคุณ นี่คือหนังสือ

C: The book is actually less than 10% of my paintings. There are about a hundred paintings in the book. It is published by a Singapore company, Marshall-Cavendish, and being distributed all over the world through Amazon.com called ‘Navigating the Bangkok Noir’ and it has paintings from the Bangkok night and the idea of the title is it navigates the reader through the Bangkok night where he emerges at the other end of the journey safe and intact.

ค: ในหนังสือเล่มนี้ มีผลงานของผมไม่ถึงร้อยละ 10 ของงานทั้งหมด โดยมีประมาณ 100 ภาพ พิมพ์โดยสำนักพิมพ์สิงคโปร์มาแชล์-คาเวนดิช และจัดจำหน่ายทั่วโลกผ่านอเมซอนดอทคอม ชื่อว่า ‘Navigating the Bangkok Noir’ มีภาพจากกรุงเทพในเวลากลางคืน และเบื้องหลังความคิดชื่อหนังสือคือผู้อ่านสามารถท่องเที่ยวกรุงเทพยามราตรี และเมื่อจบเล่มเขาผ่านมาด้วยความปลอดภัยและครบ 32

S: So I should turn to the last page and see..

ส: ถ้าเช่นนั้น ผมเปิดไปท้ายเล่มเลย…

C: No, you have to follow the trail all the way through and once you read this book you are immune to the Bangkok night, and you never become lost and never become confused.

ค: ไม่ได้ครับ คุณต้องไปตามเส้นทางทะลุปรุโปร่ง และเมื่อคุณอ่านหนังสือเล่มนี้ คุณจะมีภูมิคุ้มกันต่อกรุงเทพยามราตรี ไม่มีการหลงทาง ไม่มีความสับสน

S: So it’s not just a catalogue of your paintings but a story too

ส: จึงไม่ใช่หนังสือที่รวบรวมภาพต่างๆ แต่มีเรื่องเล่า

C: With each painting, when I do the painting I kind of think in terms of a little story about the human drama is going on in the painting.

ค: ทุกภาพ เมื่อผมวาดขึ้น ผมจะคิดถึงเรื่องเกี่ยวกับชีวิตคนที่กำลังดำเนินในภาพ

S: And this is your writing too, write what you are thinking in terms of painting the picture

ส: และข้อเขียนของคุณ เขียนสิ่งที่คุณคิดและสะท้อนในภาพ

C: Right, I used to be in the movie business so I think of the paintings as stories

ค: ครับ ผมเคยอยู่ในธุรกิจสร้างภาพยนตร์ จึงคิดถึงภาพวาดเป็นเรื่องเล่า

S: This is like a story board

ส: เหมือนเป็น สตอรี่บอร์ด

C: In a sense it is like a storyboard for the Bangkok night

ค: ในความคิดหนึ่งก็เป็นเหมือนสตอรี่บอร์ดของกรุงเทพยามราตรี

S: I hope someone takes it and makes a movie out of it

ส: ผมหวังว่าจะมีใครเอาไปสร้างภาพยนตร์

C: It would be a great movie but I don’t think anyone is ever going to make it

ค: คงจะเป็นภาพยนตร์ที่ดี แต่ผมคิดว่าคงไม่มีใครเอาไปสร้าง

Labels: , , , , ,

Friday, April 15, 2011

Suranand Vejjajiva Interviews Chris Coles for TNN 2 TV

Quite an informative interview of Chris Coles by Suranand Vejjajiva for his TNN 2 Thai TV show in April 2011.........

http://www.youtube.com/watch?v=ygxkIb-s3D0


Labels: , , , , , , ,

Artist Blogs - Blog Catalog Blog Directory